บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

พระมหาบุญไทย ปุญญมโน[02]


ในบทความที่ผ่านมา คือ “พระมหาบุญไทย ปุญญมโน[01]”  ผมได้วิเคราะห์บทความ เรื่อง "ตายแล้ววิญญาณไปไหน" ของพระมหาบุญไทย  ปุญญมโน ไปแล้วว่า

 อ่านจบแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่า ตายแล้ววิญญาณไปไหนกันแน่

ผมยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า พระมหาบุญไทยเอง ก็ไม่น่าจะเชื่อว่า นรก-สวรรค์มีจริง  การที่นำข้อเขียนของหลวงพ่อชามาเป็นตัวอย่าง ก็เพียงต้องการที่จะบอกว่า

ใครถามเรื่อง นรก-สวรรค์คือ คนโง่เท่านั้น

ผมเป็นวิทยากรสอนวิชาธรรมกาย ไปสอนมาแล้วเกือบทั่วประเทศ ผมได้ถูกตั้งคำถามในเรื่องตายแล้วไปไหนเช่นกัน

คำตอบของผมนั้น ดีกว่าของพระมหาบุญไทยอย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้  ขอยกตัวอย่าง ดังนี้

ครั้งนึ่ง ในระหว่างการอบรมครั้งที่ มหาวิทยาลัย นเรศวร จังหวัดพิษณุโลก มีนักศึกษาเขียนใส่กระดาษมาถามว่า "ตายแล้วไปไหน"

ผมก็ตอบว่า ไปวัด ไม่เคยสังเกตหรือ!



นักศึกษาร้อยกว่าคนที่เข้าอบรม ต่างขำกลิ้งไปตามๆ กัน  คิดว่าผมเล่นมุข  ผมก็เลยหัวเราะไปกับเขาด้วย

แต่ที่ผมตอบไปนั่น เป็นความจริง และผมตอบจริงๆ ไม่ได้เล่นมุขอะไร  แต่หน้าตาของผม ขนาดวางเฉยเป็นอุเบกขาก็ยังดูเหมือนยิ้มๆ

นักศึกษาคงนึกว่า ผมพูดเล่น....

โดยธรรมชาติแล้ว คนที่ตายใหม่ๆ  ยังผูกพันอยู่กับ "กายเนื้อ" ของตัวเขา และเขาเองก็ยังไม่รู้ว่า ตัวเขาตายแล้ว

มีหนังฮอลลีวู้ดเรื่องหนึ่ง ที่เข้ากับเรื่องการตายของคนเราว่า เมื่อตายใหม่ๆ คนตายยังไม่รู้ตัวเขาตายแล้ว

หนังสือเรื่องที่ว่าก็คือหนังเรื่อง Passengers (แพสเซนเจอร์ส สัมผัสเฉียดนรก) นำแสดงโดยแอน แฮทเทอร์เวย์, แพทริค วิลสัน

นางเอกเครื่องบินตกตายกับเขา แต่ไม่รู้ว่าตัวเองตาย  คนอื่นๆ ต้องช่วยบอก 
  


ต้องขอบอกก่อนว่า ประสบการณ์ของคนตายในเมืองไทยที่ผมพบมา ไม่เป็นอย่างหนังเรื่องนี้ กายมนุษย์ละเอียดหรือกายฝันของคนไทยส่วนใหญ่จะไปอยู่กับกายเนื้อของเขา

กลับมาถึงเรื่องของการตาย  

การตายนั้น แพทย์ปัจจุบันมีตัวชี้วัด 2 ประการคือ การหยุดทำงานของ หัวใจกับสมอง  จึงจะถือว่า ตาย

ในทางวิชาธรรมกาย เรามีวิธีที่ดีกว่านั้น

การตายนั้น ขั้วหัวต่อระหว่างกายมนุษย์หยาบ/กายเนื้อกับกายมนุษย์เอียด/กายฝันหลุดออกตัวกัน  การตายจึงเกิดขึ้น

ในประเทศไทยของเรานี้ การตายแล้วฟื้นเกิดขึ้นเป็นประจำ ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันก็อธิบายไม่ได้ สายปฏิบัติธรรมอื่นๆ ก็อธิบายไม่ได้

ขออธิบายคำว่า อธิบายไม่ได้สักนิดหนึ่ง  อันที่จริง กลุ่มบุคคลเหล่านั้น มีคำอธิบายเหมือนกัน แต่คำอธิบายนั้น ไม่สมเหตุสมผล

โดยมากแล้ว เมื่อมีเหตุการณ์คนตายแล้วฟื้น ขนาดคนที่ฟื้นเล่าให้ฟังว่า ไปนรกมา เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งพิสูจน์ต่อมาว่า เป็นความจริง” 

คนที่ตายแล้วฟื้นเปลี่ยนพฤติกรรมจากที่เคยเป็น มาเป็นคนดี อย่างฝ่าเท้าเป็นหน้ามือ

บุคคลต่างๆ เหล่านั้น ก็ยังไม่เชื่อ ส่วนใหญ่แล้ว จะให้เหตุผลว่า คนที่คิดว่าตายนั้น เขาเพียงสลบไปไม่ได้ตายไปจริงๆ

คำอธิบายที่ว่า คนตายเพียงแต่สลบไปดูเหมือนจะเข้าท่า และสมเหตุสมผล  แต่เมื่อพิจารณาอย่างฉลาดๆ แล้ว 

คำอธิบายดังกล่าวนั้น ใช้ไม่ได้

ในสังคมมนุษย์ยุคนี้ คนเราเกิดมาต้องตายทุกคน  ยังไม่มีคนไหน ไม่ตายให้เห็นเลยสักรายเดียว

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็แสดงว่า คนในชุมชนในหมู่บ้านต้องมีความชำนาญในการแยกแยะคนตายกับคนสลบได้ดีพอสมควร

คนที่ตายแล้วฟื้นนั้น สัปเหร่อหรือประชาชนในหมู่บ้าน เขาไม่เคยพบเห็นคนตายมาก่อนในชีวิตเลยหรือไร ถึงแยกไม่ออกระหว่างคนสลบไป กับคนตายไปแล้ว

ตายแล้วบางราย เขาเอาลงไปในโลงแล้ว........... ฟื้นขึ้นมาระหว่างพระสวด  พระวิ่งหนีจีวรปลิวว่อนไปคนละทาง ก็มีมาแล้ว

นักวิ่งทีมชาติไม่สามารถจะตามจีวรท่านได้เลย  ทำราวกับหายตัวได้ แว่บไปนั่งหอบ แฮ่กอยู่บนกุฏิเรียบร้อย

ในทางวิชาธรรมกายนั้น เราสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียด

คนที่ตายแล้วฟื้นนั้น เขาตายไปแล้วจริงๆ แต่ขั้วหัวต่อระหว่างกายเนื้อกับกายฝันยังไม่หลุดออกจากกัน จึงทำให้มีโอกาสฟื้นขึ้นมาได้อีก

คนที่ตายไปแล้ว ใหม่ๆ จะยังไม่รู้ว่าตัวเองตาย ใครมางานศพก็ทักทายคนโน้นคนนี้ สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเขาไม่ตอบ แต่ก็ยังไม่รู้

เมื่อศพถูกนำไปไว้ที่วัด กายมนุษย์ละเอียดหรือกายฝันก็ไปเฝ้ากายเนื้อด้วย  ไม่ใช่เหลือแต่เพียงวิญญาณเฝ้าศพอยู่อย่างที่เข้าใจกัน

ตอนเผาศพ ผู้ตายบางคน ด่าลูกหลานแหลกลาญว่าเผาเขาทำไม

ตายไปแล้ว 7 วัน ผู้ตายก็จะไปตามบุญตามกรรมที่ทำไว้  แต่ถ้าไม่เผา  ฝังไว้ตายฮวงซุ้ย หรือฟังไว้ที่ไหนก็ตาม  เขาก็จะอยู่กับศพตลอดไป

อย่างไรก็ดี จากประสบการณ์ของผม กระดูกที่ขุดพบตามโบราณสถานต่างๆ นั้น กายฝันไม่อยู่แล้ว  เพราะ ร่างกายไม่คงสภาพแล้ว

คำถามต่างๆ เหล่านั้น ถ้าให้ผมเป็นคนตอบ ผมจะยืนยันแบบเอาหัวชนฝาว่านรก-สวรรค์มีจริงๆ พิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกาย

อยากจะไปดูสวรรค์ ผมจะสอนให้ไปดูด้วยตัวของเขาเอง อธิบายหลักการเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่แน่จริง

จะไปสวรรค์ เราต้องทำวิชา 18 กายไปกลับให้กายใส อย่างน้อยๆ 7 เที่ยว ไป-กลับนับเป็น 1 เที่ยว

ต่อจากนั้น ให้กลับมาอยู่แค่กายทิพย์  เพราะไปสวรรค์ต้องเอากายทิพย์ไปเที่ยว ไปนรกต้องเอากายธรรมไปเที่ยว

แล้วก็ลำดับดวงธรรมจากฐานที่ 7-6-5-4-3 ฐานที่ 3 อยู่กลางกะโหลกศีรษะ แล้วก็ออกไปทางนั้น อธิษฐานใจให้ไปสวรรค์ชั้นไหนก็เลือกเอา

เราจะไปที่สวรรค์ชั้นนั้นตามที่ใจปรารถนา  ไม่ต้องใช้ระบบ GPS เพราะแผนที่ไม่จำเป็น ทำก็ไม่ถึง

เมื่อเจอเทวดาอยากจะซักถามพูดคุย  ก็เอาใจเข้าตามฐานของเทวดา 1-2-3 แล้ว 7  แล้วเอาดวงธรรมของเทวดากับของเราซ้อนกันให้สนิท  แล้วค่อยพูดคุยซักถาม

ที่เขียนไปนี้ พระมหาบุญไทย คงจะรับไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็เป็นเรื่องของท่าน สวรรค์-นรกของพระมหาบุญไทย ท่านต้องรอท่านตายเสียก่อน ท่านถึงจะรู้

สวรรค์-นรกของผม ไม่ต้องรอให้ตายเสียก่อน  สามารถพิสูจน์ได้ทันที

อยากจะพิสูจน์กันไหม....



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น