บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

หลวงพ่อคูณตายแล้วไปอยู่ไหน


ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ผมชอบหลวงพ่อคูณนะครับ  ศรัทธาในด้านการสร้างทานบารมีของท่านมาก เงินที่ได้มาหลวงพ่อคูณนำออกไปสร้างทานบารมีเป็นส่วนใหญ่

ถ้าพระในประเทศไทย เป็นอย่างหลวงพ่อคูณสัก 50 %  ประเทศเราจะเจริญขึ้นกว่านี้มากเลยทีเดียว

ส่วนใหญ่พระของเรา ได้เงินมาแล้วสะสมกัน ไม่บริจาคต่อ คนไทยก็ชอบทำบุญกับวัด ไม่ชอบทำบุญสาธารณะอย่างอื่น  เงินก็ไปกระจุกตัวอยู่กับพระ

โรงเรียนวัดทุ่งพึ่ง ที่จังหวัดอุทัยธานีเป็นตัวอย่างอันดี  ตัวโรงเรียนมีนักเรียนประมาณ 80 คน อาคารเรียนชำรุด หลังคารั่ว  คนทุ่งพึ่งไม่มีใครสนใจบริจาคให้โรงเรียน

แต่วัดทุ่งพึ่ง ใหญ่โต หรูหราอลังการมาก  มีพระอยู่รูปเดียว  คนทุ่งพึ่งก็ยังเอาเงินไปทำบุญกับวัด ไม่ทำทำบุญกับโรงเรียน หรือทำอย่างเสียไม่ได้

โรงเรียนวัดทุ่งพึ่งนี่ ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นเพื่อนสนิทผม  ท่านก็เป็นคนหมู่บ้านนี้ 

ถ้าพระส่วนใหญ่ของเราทำอย่างหลวงพ่อคูณคือ เป็นตัวกลางให้ประชาชนเพื่อสร้างบารมี คือ พอมีคนมาทำบุญกับท่าน ก็เอาเงินนั้นไปสร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล ประเทศชาติมันก็จะดีขึ้น

กลับมาถึงเรื่องหลวงพ่อคูณ ซึ่งโด่งดังมาก ทั้งตอนอยู่ และตอนมรณภาพ  อย่างไรก็ดี ควรจะรู้ประวัติของท่านสักเล็กน้อยก่อน

ข้อมูลเอามาจากหน้าเว็บ  “ประวัติหลวงพ่อคูณ” ของเว็บ http://watbaanrai.com นะครับ

หลวงพ่อคูณ ถือกําเนิดที่บ้านไร่ ม. ๖ ต. กุดพิมาน อ. ด่านขุนทด จ. นครราชสีมา ในครอบครัวของชาวไร่ชาวนา

บิดาชื่อ นายบุญ ฉัตรพลกรัง มารดาชื่อ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๖  ตรงกับวันแรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีกุน

สมัยที่หลวงพ่อคูณอยู่ในวัยเยาว์ ๖-๗ ขวบ ได้เข้าเรียนหนังสือ กับพระอาจารย์เชื่อม วิรโธ พระอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หลี ทั้งภาษาไทย และภาษาขอม ที่วัดบ้านไร่

นอกจากเรียนภาษาไทยและขอมแล้ว พระอาจารย์ทั้ง ๓ ยังมีเมตตาอบรมสั่งสอนวิชา คาถาอาคม เพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ ให้แก่หลวงพ่อคูณด้วย นับว่าหลวงพ่อคูณรู้วิชาไสยศาสตร์มาแต่เยาว์วัย

ตรงนี้ ขอให้พิจารณาข้อความที่ผมเน้นสีน้ำเงินไว้ให้ดีนะครับ หลวงพ่อคูณท่านเรียนไสยศาสตร์ ต่อมา ท่านจึงเป็นพระประเภทเกจิอาจารย์

หลวงพ่อคูณอุปสมบท เมื่ออายุได้ ๒๑ ปี ณ พัทธสีมาวัดถนนหักใหญ่ ต. กุดพิมาน อ. ด่านขุนทด จ. นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๘๗

หลังจากที่หลวงพ่อคูณอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อยแล้วท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ต. สํานักตะคร้อ อ. ด่านขุนทด จ. นครราชสีมา

หลวงพ่อแดง เป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ อย่างเคร่งครัด และทั้งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนและลูกศิษย์เป็นอย่างมาก

จะเห็นว่า หลวงพ่อคูณเมื่อบวชแล้ว ก็ยังไปเรียนกับพระเกจิอาจารย์อีก

หลวงพ่อคูณ ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อแดงมานานพอสมควร หลวงพ่อแดงจึงพาหลวงพ่อคูณไปฝากตัวเป็น ลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร

ซึ่งหลวงพ่อทั้งสองรูปนี้ เป็นเพื่อนกันต่างให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อมีโอกาสได้พบปะ มักแลกเปลี่ยนธรรมะตลอดจนวิชาอาคมแก่กันเสมอ

หลวงพ่อคง พุทธฺสโร เป็นพระอาจารย์ผู้ทรงคุณทั้งทางธรรมและทางไสยเวทย์

เมื่อหลวงพ่อคูณต้องการเรียนวิชาเพิ่มเติม ก็ยังคงเป็นสายวิชาอาคม กับไสยเวทย์นะครับ

ต่อไปเป็นการสัมภาษณ์หลวงพ่อคูณ  คนอื่นๆ เขาสัมภาษณ์กันตอนที่หลวงพ่อคูณยังมีชีวิตอยู่ แต่วิชาธรรมกายเจ๋งกว่านั้น  ตามไปสัมภาษณ์ตอนที่ตายไปแล้วได้

วิธีการก็คือ เดินวิชา 18 กายอนุโลม-ปฏิโลมจนดวงธรรมใส กายธรรมใสดีแล้ว อย่างต่ำๆ ก็ 7 เที่ยว  ต่อไปก็เอากายธรรมพระอรหัตละเอียดของเราไปที่ตีนเขาพระสุเมรุ

หลังจากนั้นก็เรียกชื่อหลวงพ่อคูณมา  ท่านก็จะมา

วิธีการพูดคุยกับคือ เอาใจของเราเข้าไปในกายละเอียดของหลวงพ่อคูณ ฐานที่ 1-2-3 และ 7  ก็จะเห็นดวงธรรมของหลวงพ่อคูณ

เสร็จแล้วก็เอาดวงธรรมซ้อนกัน  เมื่อดวงธรรมซ้อนกันเป็นดวงเดียวแล้ว ก็พูดคุยหรือสัมภาษณ์กันได้

คำถามแรกที่ถามก็คือ ท่านมีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง  หลวงพ่อคูณตอบว่า “จะว่าสุขก็ไม่สุข จะว่าทุกข์ก็ไม่ทุกข์

ตอนนี้ท่านอยู่ ณ ที่แห่งใด หลวงพ่อคูณตอบว่า “สวรรค์ชั้น 3  สวรรค์ชั้น 3 คือ ชั้นยามานะครับ

ต่อไปเป็นการวิเคราะห์ว่า ทำไมหลวงพ่อคูณจึง “สุขก็ไม่สุข ทุกข์ก็ไม่ทุกข์ อยู่ในสวรรค์ชั้น 3

โดยปกติแล้ว พระเกจิอาจารย์ทั้งหลายนั้น ตายไปแล้ว ตกนรกกันเรียบนะครับ เพราะ ไสยศาสตร์นั้น เป็นวิชาของมาร 

การที่หลวงพ่อคูณได้รับเงินทำบุญมา แต่ท่านทำออกไปหมด ด้วยอำนาจของทานบารมีนั้น ท่านจึงได้ขึ้นสวรรค์ชั้น 3

แต่จากการที่ศึกษาไปในทางไสยศาสตร์ อันเป็นวิชาของมาร จิตใจของท่านจึงไม่เป็นสุขนัก แต่ก็ไม่ได้มีทุกข์ในด้านอาหาร

เปรียบเทียบกับสัตว์นรกนั้น  นอกจากจะถูกทรมานด้วยกรรมแล้ว ยังจะไม่มีกินอีกด้วย จึงเป็นกรรมหนักอย่างเดียว

คนที่ไม่เชื่อผม ควรจะทำวิชาไปถามตัวหลวงพ่อคูณก่อนนะครับ  ไม่ใช่ว่า ปฏิบัติธรรมก็ไม่เป็น สวรรค์ก็ไม่เคยขึ้นไปสำรวจ  ยังจะมาเถียงอีก






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น