วันนี้
หลังจากอ่านไปอ่านมา ไปพบเรื่อง “ตายแล้วไปไหน (49
วัน ชีวิตหลังความตาย” จากเว็บของวัดหนองม่วง เห็นว่า
มีข้อมูลที่สอดคล้องกัน และไม่ค่อยจะเห็นด้วย จึงนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันตามระเบียบ
ซึ่งก็เป็นเหมือนเคยนะครับ ตัวอักษรสีน้ำเงินคือบทความที่ผมนำมาวิพากษ์วิจารณ์
ส่วนตัวอักษรสีดำ คือ คำวิพากษ์วิจารณ์ของผม
มนุษย์และสัตว์มิได้สิ้นสุดที่ความตาย เพราะการ "ตาย"
หมายถึง สภาพร่างกายที่ไม่สามารถให้บริการแก่จิตวิญญาณใช้งานต่อไปได้อีก
วิญญาณยังคงอยู่ ถึงแม้ร่างกายจะหมดอายุขัยไปแล้ว
ทั้งนี้สภาพการตายจะบ่งบอกให้รู้ว่าจิตวิญญาณนั้นไปสุคติหรือลงสู่นรกภูมิ
|
อันนี้
ไม่ค่อยแน่ใจในข้อมูลว่า “เป็นจริงอย่างนั้นหรือไม่”
แต่ก็คิดว่า อาจจะเป็นไปได้ก็ได้ คือ ผมไม่มีหลักฐานแน่นหนาที่จะโต้แย้ง และเป็นข้อมูลใหม่ที่พอจะรับได้
1. ตอนตายใหม่ ถ้าหากสีหน้าปกติ ร่างกายอ่อนนิ่ม
สีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่ เนื่องจากได้บรรลุธรรม ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ
2. ตอนตายใหม่ๆ หน้าตาซีดผาด เหมือนคนตกใจ
แสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว
|
คนเขียนนี่ น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตาย
สงสัยตายมาแล้วหลายครั้งหลายหน และจำได้ ถึงบรรยายได้อย่างเห็นภาพพจน์
อันนี้
ขอแย้งกรณีหนึ่งซึ่งเป็นประสบการณ์จากการใช้วิชาธรรมกายตรวจสอบคนตาย
ที่มหาวิทยาลัยของผม
มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งสนิทกัน
พี่สาวเขาตายที่เกาะหลัก เมื่อเกิดเหตุการณ์สึนามิ เขาเพิ่งย้ายไปทำงานได้เพียง 7 วัน แล้วก็ตาย
ผมเอารูปไปให้วิทยากรตรวจสอบดู
ปรากฏว่า “เขาไปสวรรค์” และเขายังบอกอีกว่า อยู่ที่ไหน เขาก็ต้องตาย
เพราะ หมดอายุของเขาแล้ว
จากประสบการณ์ตรงๆ
นี้ ขอย้ำว่า เป็นกรณีเดียวที่พบ ดังนั้น
ไอ้ที่ว่าตายแล้ว หน้าตาซีดเผือดต้องไปนรกนั้น อาจจะจริงก็ได้
3. ตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัว เพราะความตกใจ
บางคนจะกรีดร้องเสียงคล้ายสัตว์
คนเหล่านี้จะไปเกิดเป็นสัตว์ 4 ชนิด สังเกตได้จากตา หู จมูก ปาก
ตาจะมีน้ำตาออก หูจะมีขี้หู จมูกจะมีน้ำมูก ปากจะมีน้ำลายฟูมปาก
เป็นทวารที่ไม่สะอาด 4 ช่องทาง
เมื่อจิตวิญญาณออกทางนี้ จะเกิดเป็นสัตว์ 4 ประเภท
- ตา ชอบดูสิ่งเหลวไหล ลุ่มหลงในรูปต่างๆ คนเหล่านี้เวลาใกล้ตาย
ดวงตาจะเบิกกว้าง จะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก (เกิดออกจากไข่)
- หู ชอบฟังเรื่องเหลวไหล เรื่องซุบซิบนินทา คนเหล่านี้เวลาตาย
หูจะชันขึ้น จะไปเกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากครรภ์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย
- จมูก ชื่นชมกลิ่นคาวโลกีย์ เช่น เงินทอง สุรา นารี การพนัน
ชื่อเสียงลาภยศ และค่านิยมที่ผิดศีลธรรม ฯลฯ จะไปเกิดเป็นแมลง มด ยุง แมลงวัน
ฯลฯ บาปหนักมาก วิญญาณจึงถูกตีเป็นเศษวิญญาณ
- ปาก ชอบพูดเรื่องเหลวไหล พูดนินทา พูดวิจารณ์
พูดกล่าวร้ายป้ายสี ด่าคำหยาบคาย คนเหล่านี้เวลาตาย ปากจะอ้าค้างอยู่ตลอด
จะเกิดเป็นสัตว์น้ำ ไปอยู่กับรสชาติที่โสโครกและสกปรก
|
ข้อมูลในส่วนนี้
รู้สึกว่าจะ “เว่อร์”
เกินไปสักหน่อย
ใครจะไปรู้ละเอียดลออถึงขนาดนั้น
เมื่อออกจากร่าง วิญญาณจะไปที่ไหน?
ดวงวิญญาณที่ออกจากร่างในตอนแรก จะวนเวียนอยู่บริเวณนั้น
พอได้สติก็จะมีท่านมัจจุราชทำหน้าที่มานำเอาวิญญาณของมนุษย์หรือสัตว์ที่ชะตาถึงฆาต
พาไปยังยมโลก
เพื่อตรวจสอบบาปบุญความดีความชั่ว ในขณะที่มีชีวิตอยู่
|
อันนี้ขอ
“แย้ง” ตามหลักวิชาธรรมกาย คนเราถ้าตายไปแล้วปุ๊บ
ส่วนใหญ่จะยังไม่รู้ว่าตาย และจะอยู่กับร่างของเขา
ถ้าร่างกายไม่ถูกเผา เขาก็จะเฝ้าร่างอยู่อย่างนั้น
วิทยากรของเรา
หลายคนมีเชื้อจีน เวลาไปตรุษจีน
สารทจีนที่ฮวงซุ้ย
จะเห็นกายมนุษย์ละเอียดของพวกที่เฝ้าร่างของเขาเป็นจำนวนมาก
ไปเกิดไม่ได้เลย
ต้องอยู่จนกระทั่ง
ร่างกายสลายไปแล้ว ไม่คงสภาพแล้ว ถึงจะไปได้
วิญญาณบาปจะถูกนำตัวส่งไปนรก 8 ขุมใหญ่ แต่ละขุมแบ่งย่อยขุมละ 36
แห่ง แต่ละแห่งมีการลงทัณฑ์และทรมานอีก 800 ด่าน
แต่ละด่านมีเครื่องทรมานนับไม่ถ้วน
วิญญาณบางดวงอาจตกนรกทั้ง 8 ขุมเลยก็มี
โดยเฉพาะคนที่ทำกรรมชั่วมหันต์ หรือเรียกว่า "อนันตริยกรรม" มีอยู่ 5
อย่าง คือ
1.ฆ่าพ่อ
2. ฆ่าแม่
3. ฆ่าพระอรหันต์
4. ยุยงสงฆ์ให้แตกแยก
5. ทำร้ายพระพุทธเจ้าห้อเลือด
|
ตรงนี้ก็ว่ากันตามพระไตรปิฎก
หลังจากที่คนเราตายประมาณ 1-2 วัน ปกติแล้ว
เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย 7 วันให้หลังเขาจึงรู้ว่าตนเองตายแล้ว
วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้ 49 วันเพื่อรอพิจารณาคดี
ในระหว่างนั้นผู้ตายก็กำลังรอบุญกุศลจากลูกหลานทางโลกที่กำลังง่วนอยู่กับงานศพ
|
ตรงนี้ข้อมูลชักเริ่มขัดแย้งกันเอง
ก่อนหน้านี้ ท่านบอกว่า “ดวงวิญญาณที่ออกจากร่างในตอนแรก
จะวนเวียนอยู่บริเวณนั้น พอได้สติ ก็จะมีท่านมัจจุราช พาไปยังยมโลก”
แต่ต้องนี้บอกว่า ตายแล้ววิญญาณจะถูกกัดบริเวณไว้ 49 วัน
แล้วข้อมูลไหน
มันถูกละท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น