วันนี้
หลังจากอ่านไปอ่านมา ไปพบเรื่อง “ตายแล้วไปไหน (49
วัน ชีวิตหลังความตาย)” จากเว็บของวัดหนองม่วง เห็นว่า
มีข้อมูลที่สอดคล้องกัน และไม่ค่อยจะเห็นด้วย จึงนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันตามระเบียบ
บทความนี้
เป็นบทความที่สอง
ซึ่งก็เป็นเหมือนเคยนะครับ
ตัวอักษรสีน้ำเงินคือบทความที่ผมนำมาวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนตัวอักษรสีดำ คือ
คำวิพากษ์วิจารณ์ของผม
|
เรามาดูปรากฏการณ์ 49 วัน ชีวิตหลังความตาย
ขณะที่วิญญาณของผู้ตายออกจากร่าง
ชีวิตหลังความตายก็เริ่มต้นเปิดฉากขึ้น ในโลกที่ผู้ตายต้องเข้าไปเพียงลำพังเท่านั้น
ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเอาติดตัวจากโลกมนุษย์ได้
เว้นเสียแต่บาปกับบุญเท่านั้น
|
สำนวนภาษาตรงนี้เข้าท่า ที่จริงมันก็ไม่เชิงไปตามลำพังเท่าไหร่นัก
เพราะ นรกนี่มันแออัดยัดเยียดมาก แน่นไปหมด
แต่พวกเขาไม่มีเวลามานั่งคุยสังสรรค์กันเท่านั้น
|
เจ็ดวันรอบแรก
วิญญาณผู้ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่า
ซึ่งมีฝูงหมาป่าดุร้ายเหมือนเสือขวางทาง
เมื่อวิญญาณบาปไปถึง ก็เกิดหวาดกลัวไม่กล้าเดินต่อไป
ฝูงหมาป่าเห็นดังนั้น ก็กระโจนเข้าขย้ำขบกัดวิญญาณบาปจนเลือดท่วมตัว
กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกขเวทนา
ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงดงหมาป่า
ก็จะมีหมู่เทวทูตคอยพิทักษ์คุ้มครอง พวกหมาป่าได้แต่นิ่งเฉย ไม่กล้าทำอะไร
จึงผ่านไปได้โดยปลอดภัย
|
ตรงนี้มันจะเริ่มเป็นนิยายมากไปหน่อยแล้ว คนทำความดีก็ไปสวรรค์เลย
ไม่เหมือนในหนังทีวีเรื่องพิภพมัจจุราช ที่ต้องไปตรวจสอบก่อนว่า บาปมากกว่า หรือบุญมากกว่า
|
เจ็ดวันรอบที่ สอง
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านประตูผี เจ้าหน้าที่ผู้รักษาด่าน
เมื่อเห็นเป็นวิญญาณบาป ก็จะทุบตีอย่างไม่ปรานี
และยังมีพวกเจ้ากรรมนายเวรพากันมาทวงหนี้เวลานั้น
ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงด่านประตูผี
จะได้รับการต้อนรับและสามารถผ่านด่านนี้ไปโดยปลอดภัย
|
เจ้ากรรมนายเวรไม่มีจริง เป็นระบบของกรรม เหมือนโลกมนุษย์เหมือนกัน ไม่คนมาทำร้ายเรา ทุบตีเรา เราต้องให้ตำรวจไปจัดการ
ไม่ใช่เราไปทุบตีตอบ อย่างนั้น เราก็ผิดไปด้วย
ระบบของธาตุธรรมก็เช่นเดียวกัน ถ้ามีเจ้ากรรมนายเวรจริง ก็ฉิบหายเลย ตามเกิดตามล้างแค้น หรือไม่ไปเกิด รอล้างแค้น
ขัดแย้งกับระบบกรรม
ทำเป็นหนังจีนไปได้ “แค้นหนี้สิบปีแก้แค้นก็ไม่สาย”
|
เจ็ดวันรอบที่ สาม
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลก ถ้าเป็นวิญญาณบาปก็จะถูกโซ่ตรวนไว้
และถูกบังคับนำไปอยู่ตรงหน้าหอกระจกส่องกรรม
ยามมีชีวิตทำชั่วอะไร ภาพก็จะปรากฏขึ้นเองอย่างอัตโนมัติ
เสร็จแล้วก็จะถูกคุมตัวไปรับการพิจารณาโทษ ถึงวิญญาณบาปจะเริ่มสำนึกผิด
ตอนนี้แต่ก็สายเสียแล้ว
ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึง จะได้รับการต้อนรับ
มีเจ้าหน้าที่พาไปท่องเที่ยวนรกขุมต่างๆ และพาไปดูสภาพของบรรดาญาติพี่น้องที่
ทำบาป กำลังรอคอยการพิจารณาตัดสินความผิด
|
มีกระจกส่องกรรมด้วย...
อันนี้ก็ไม่น่าจริง ตามหลักวิชาธรรมกาย
ดวงบุญ ดวงบาปบอกหมดว่าทำอะไรมา และจะไปไหน
ดวงบุญใหญ่กว่า
ไปสวรรค์ก่อน แล้วก็ไปอบายภูมิ ดวงบาปใหญ่กว่า ไปอบายภูมิก่อน แล้วไปสวรรค์
ถ้าดวงบุญกับดวงบาปเท่ากัน ไปอบายภูมิก่อน เพราะ ดวงบาปแรงกว่าดวงบุญ
|
เจ็ดวันรอบที่ สี่
เมื่อมาถึงด่านภูเขากระดาษเงินกระดาษทอง การจะขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้ยากลำบากมาก
กระดาษเหล่านี้ได้มาจากลูกหลานญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์หลงงมงายเผาส่งไปให้
ทับถมกันจนเป็นภูเขาเลากา ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแม้ผู้ตายจะได้รับก็ไร้ประโยชน์
|
สงสัยคนเขียนมีเชื้อจีน
มีการเผากระดาษเงิน กระดาษทองด้วย
|
เจ็ดวันรอบที่ ห้า
วิญญาณผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเดิม ได้เห็นลูกหลาน
คนในครอบครัวต่างไว้ทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจกับการตายของตน
ถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่าตนเองตายแล้ว ไม่อาจกลับบ้านได้อีก
ได้แต่เสียใจอาลัยอาวรณ์
|
แหม..
ทำแบบทัวร์เลย
มีการกลับมาดูบ้านเดิมได้อีก
|
เจ็ดวันรอบที่ หก
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านคุมบัญชี
ยมบาลจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบาปบุญที่ผู้ตายได้สร้างสมตอนมีชีวิต
หลังจากหักลบกันแล้ว
ถ้าบุญมีมากกว่าบาปก็จะให้ไปเกิดยังสุคติภูมิ ถ้าบาปมีมากกว่าบุญ จะส่งไปยังนรกภูมิ
รับทุกข์อย่างน่าเวทนา
|
ยมบาลนั้นมีจริง
แต่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษา
ดวงบาปกำหนดเลยว่า จะไปขุมไหน อย่างไร ยมบาลมีหน้าที่คุมเครื่องลงทัณฑ์
|
เจ็ดวันรอบที่ เจ็ด
เมื่อวิญญาณผู้ตายไปถึงด่านตรวจสอบ
ยมบาลก็จะสั่งเลขาให้ตรวจสอบดูว่า
ผู้ตายตอนมีชีวิตอยู่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือไม่
ถ้าได้ถือศีลกิเจ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ก็จักลหุโทษ
ถ้ามัวหลงผิดฆ่าสัตว์เพื่อความสุขของปากท้องก็จะเพิ่มโทษเป็นเท่าตัว
|
เจ็ดวันรอบที่เจ็ดนี่
มั่วแล้ว
จะมีด่านตรวจสอบอะไรกันหนักกันหนา
|
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ขอให้ทุกคนในขณะมีชีวิตอยู่นั้น
เร่งสะสมความดีกันให้มากๆ นรก-สวรรค์นั้น ไม่ใช่สิ่งลวงโลก
ตอนนี้ท่านอาจยังไม่เห็น แต่สักวันท่านก็ต้องเห็น กฎแห่งกรรมนั้นเป็นเรื่องจริง
ขอให้ทุกคนโชคดี
|
ข้อความสุดท้ายนี้
“จริงๆ” จ้า..........นะจ๊ะ.......(เสียดสีธัมมชโยเล็กน้อย)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น